เพื่อให้เข้าบรรยากาศการอบรมธรรมทายาทในช่วงนี้วันนี้หลวงพี่จะมาเล่าเรื่องอัฐบริขารที่สำคัญของชีวิตพระอย่างหนึ่ง นั่นคือบาตร
บาตรใบนี้ผ่านเรื่องราวมามากมาย อาจมีประสบการณ์การเดินทางมากกว่าหลายๆคนเสียด้วยซ้ำ สมัยหลวงพี่บวชใหม่ๆ แน่นอนหลวงพี่ก็ได้บาตรเหมือนธรรมทายาททั่วไป สลกบาตรทำจากผ้าหนาๆสีเหลือง ฐานบาตรเป็นพลาสติคสีเทา พอบวชไปได้ 2-3 พรรษาหลวงพี่ชอบเดินบิณฑบาตสายหน้าโบสถ์ ข้ามคลองสามไปแถวหมู่บ้านตะวันทอง สายบิณฑบาตเส้นนั้นมีพระมหาสุรัตน์ อคฺครตโน ท่านเดินเป็นประจำ ท่านจึงคุ้นหน้าหลวงพี่ วันหนึ่งมีเจ้าภาพนำบาตรอย่างดีพร้อมสลกบาตรไหมพรมและฐานบาตรทำจากหวายสานมาถวายพม.สุรัตน์ประมาณ ๙ ใบ ท่านเมตตามอบบาตรพิเศษนี้ให้หลวงพี่ ๑ ใบ ในฐานะที่ออกบิณฑบาตจนท่านคุ้นหน้าตา
จากนั้นหลวงพี่ก็ใช้บาตรใบนี้เรื่อยมาจากพรรษา ๓ ถึงปัจจุบันพรรษา ๑๘ ต่อมาหลวงพี่ได้ไปบิณฑบาตที่หมู่บ้านแถวๆตลาดไทย น่าจะชื่อหมู่บ้านพระปิ่น ๗ บิณฑบาตที่นั่นอยู่หลายปีด้วยบาตรใบนี้แหละ จนกระทั่งหลวงพี่ไปอุ้มผาง ก็ใช้บาตรใบนี้ตลอด บางทีเดินธุดงค์ข้ามป่าข้ามเขาก็เอาจีวร สบง อังสะที่แห้งๆใส่ในบาตรนี้ (หลังจากฉันเสร็จล้างสอาดแล้ว ตอนเดินธุดงค์ฉันมื้อเดียว) แม้ฝนตกหนักเปียกชุ่มไปทั้งตัว แต่พอถึงปลายทางก็มีชุดใหม่แห้งและอุ่นสบายไว้เปลี่ยน เพราะฝาบาตรช่วยปกป้องน้ำฝนไม่ให้เข้าไปภายใน
จนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้วต้องไปเดนมาร์ก ก็รู้ว่าคงไม่ได้ไปบิณฑบาตรที่ไหน ถ้าไฟแรงออกไปบิณฑบาตอาจสร้างปัญหามากกว่าสร้างศรัทธาเพราะฝรั่งอาจไม่เข้าใจประเพณีการบิณฑบาตแบบชาวตะวันออก จึงไม่ได้เอาบาตรติดไปด้วย
ในช่วงที่หลวงพี่อยู่เดนมาร์ก ทางวัดใหญ่มีการย้ายที่พักพระจากกุฏิสี่ที่รุ่นหลวงพี่อยู่มาตั้งแต่ปี ๔๙ ขึ้นอาคารพระผู้ปราบมาร ก็ฝากเพื่อนๆให้ช่วยย้ายของให้ ปรากฏว่าตอนกลับมาหาบาตรใบนี้ (และพัดปธ.๓) ไม่เจอแล้ว ถามใครๆก็ไม่เห็น เสียดายจริงๆ พอดีเป็นช่วงโควิด ไม่ได้ไปบิณฯที่ไหน ก็เลยไม่ได้ขวนขวายหาบาตรใหม่ แต่นึกๆอยู่ว่าเมื่อลงไปทำงานที่ประจวบฯ ทั้งสองอย่างนั้นคือบาตรและพัดเปรียญธรรม เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
อยู่ดีๆ เมื่อวันก่อนแจ็ค(จักรวาล ที่ขับรถพาคณะพระอาจารย์ปวิทัยจากป่าแป๋ไประนองและหลวงพี่ติดรถไปประจวบฯด้วยเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว) ไปหาของที่ ๒๙ ไร่ เพราะหลวงพี่เคยไปสร้างกุฏิไผ่ถวายไว้ที่นั่นหนึ่งหลัง หลวงพี่ก็เลยบอกแจ็คให้ขนของๆหลวงพี่ที่อยู่ที่นั่นมาด้วย ปรากฎว่าได้เครื่องไม้เครื่องมือมาหลายชิ้นแถมบาตรและพัดเปรียญธรรมมาด้วย ดีใจเหมือนได้แก้วเลย ..
แต่ว่า พวกเราลองดูที่รูปบาตรข้างบนแล้วบอกได้ไหมว่ามันมีอะไรบางอย่างหายไป?
ลองเทียบกันดูรูปล่างกับรูปบน
(โยมจักรกฤษณ์) เชือกผูกด้านล่างฐานบาตรครับ
(โยมจักรกฤษณ์) ผมอ่านเรื่องราวที่พระอาจารย์เล่าเรื่อง เหมือนแบบฝันในฝันเลยครับ น่าติดตามครับ
ใช่แล้ว เดิมทีมันมีสายร้อยหูปลายสายที่สะพายไหล่เข้ากับตรงกลางฐานบาตรทำจากไหมพรมถัก ปลายด้านหนึ่งเป็นห่วง อีกด้านหนึ่งเป็นก้อนกลมๆเหมือนกระดุม สายนี้มันหายไป ตอนนี้หลวงพี่ดัดแปลงเอาสายไฟมาใช้แทน ฟังก์ชั่นมันได้ แต่ฟีลลิ่งมันไม่ใช่
(โยมจักรกฤษณ์) ใช่ครับ. คนละ feeling เลย ครับ
ก็เลยอยากจะถามว่าใครพอมีฝีมือถักโครเชต์ทำสายนี้มาถวาย? จะเป็นบุญอย่างยิ่ง..
พม.ธาดา จรณธโร
วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ (เรียบเรียงจากข้อความที่โพสท์ในกลุ่มไลน์จันทสราศรม)
ปล. ต่อมา กัลฯรัสรินทร์ สิรภัทรศักดิ์เมธา ได้เป็นเจ้าภาพจัดหาสายรัดฐานบาตรเส้นใหม่มาให้ อนุโมทนา สาธุ